Lastest Thailand car license plate "1กก" expected to used for 157 years
home | news and articles
การเพิ่มขึ้นของรถใหม่ นอกจากจะส่งผลให้ปัญหาการจราจรติดขัดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแล้ว ขณะนี้ยังได้เพิ่มปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแผ่นป้ายทะเบียน ทั้งเรื่องหมวดเลขทะเบียนเก่าหมด และเรื่องการผลิตแผ่นป้ายทะเบียนรองรับรถที่มาขอจดทะเบียนใหม่ไม่ทันอีกด้วย
จากข้อมูลการจดทะเบียนรถใหม่ของทางกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขณะนี้เฉลี่ยเดือนละ 50,000 คัน จากปกติมีรถใหม่จดทะเบียนเฉลี่ยเดือนละ 20,000 คัน ซึ่งมีผลมาจากนโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ส่งผลให้มีการใช้เลขทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นเดือนละ 5 หมวดอักษร จากเดิมเดือนละ 2 หมวดอักษร ทำให้คาดการณ์ว่า เลขทะเบียนรถยนต์แบบปัจจุบัน ที่มีตัวอักษร นำ 2 ตัว ตามด้วยหมายเลข จะหมดลงในเดือน พ.ย.นี้ จากเดิมคาดการณ์จะใช้ได้ถึงต้นปีหน้า ทำให้กรมการขนส่งทางบก เตรียมใช้ทะเบียนรถยนต์แบบใหม่อีก เป็นแบบ มี ตัวเลข 1 ตัวนำตัวอักษร 2 ตัว ตามด้วยเลขทะเบียนไม่เกิน 4 ตัวและชื่อจังหวัด เช่น 1กก 1111 กรุงเทพมหานคร
วิวัฒนาการของแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์มีความเป็นมายาวนาน ป้ายทะเบียนรถยนต์เกิดขึ้นพร้อมกับกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ฉบับแรกคือ พระราชบัญญัติรถยนต์โกสินทร์ศก 128 (พ.ศ. 2452) ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 มีเจตนารมณ์เพื่อต้องการควบคุมรถ ตัวเจ้าของรถเพื่อให้ทราบว่าใครเป็นเจ้าของรถ และเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี แต่ตามหลักฐานมีการออกกฎกระทรวงเริ่มมีป้ายทะเบียนรถครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 มีรูปแบบเป็น กท.เรียงดิ่ง มีหมวดตัวอักษรและตัวเลข อยู่ในแผ่นป้ายขนาดมาตรฐานกว้าง 11 ซม. ยาว 39 ซม. พื้นหลังเป็นสีดำ โดยการจดทะเบียนรถยนต์ในสมัยนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของกรมตำรวจ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 ได้มีการเปลี่ยนแบบป้ายทะเบียนจากแนวดิ่ง เป็นแบบเรียงตามแนวนอน เริ่มในหมวด 1ก พร้อมเปลี่ยนขนาดแผ่นป้ายเป็นกว้าง 15 ซม. ยาว 30 ซม. และพื้นหลังเป็นสีขาว ใช้มาเรื่อยจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2524 กรมตำรวจมีการเพิ่มตราโล่ตรงมุมขวาด้านล่างของแผ่นป้ายทะเบียนรถขึ้นมาอีก แต่อีก 2 ปีต่อมากระทรวงมหาดไทยได้เปลี่ยนจากตราโล่เป็นตัวย่อ ขส อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน และได้มีการเปลี่ยนงานรับผิดชอบดูแลป้ายทะเบียนรถจากกระทรวงมหาดไทยมาเป็นของกระทรวงคมนาคม ในปี พ.ศ. 2531 ทำให้มีการโอนงานจดทะเบียนรถจากกรมตำรวจมาที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในวันที่ 23 ก.ค. 2531 ซึ่งในขณะนั้นมีการใช้หมวดเลขทะเบียนรถยนต์จนถึงหมวด 9 ฉ
เมื่อ ขบ.ได้รับโอนงานทะเบียนรถยนต์มาแล้ว ก็ได้เริ่มจดทะเบียนรถต่อในหมวด 1ช-9ช, 1ธ-9ธ, 1ว-9ว, 1อ-9อ, 1ฮ-9ฮ, 1ฐ-9ฐ, 1ศ-9ศ, 1ฬ-9ฬ, 1ษ-9ษ และ 1ณ-4ณ เป็นหมวดสุดท้าย รวมแล้วมีการออกแผ่นป้ายทะเบียนรถไปทั้งสิ้น 1,289,871 คัน ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนใช้หมวดเลขทะเบียนรถใหม่ หลังตัวอักษรในหมวดหมดลง โดยกำหนดเป็นแบบตัวอักษร 2 ตัวนำเลขทะเบียน ซึ่งเป็นแบบที่ใช้ในปัจจุบัน เปลี่ยนขนาดแผ่นป้ายให้ยาวขึ้นจากขนาดกว้าง 15 ซม. ยาว 30 ซม. เป็นกว้าง 15 ซม. ยาว 34 ซม. ให้รองรับกับการเพิ่มตัวอักษรขึ้นมาอีก 1 ตัว
ในการเริ่มใช้หมวดตัวอักษร 2 ตัวนำเลขทะเบียน ขบ.เริ่มจดทะเบียนรถใหม่จากหมวดอักษร พพ ไม่ได้เริ่มจากหมวด กก เนื่องจากการเปลี่ยนหมวดเลขทะเบียนรถขณะนั้น ได้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดให้เจ้าของรถที่ใช้หมวดเลขทะเบียนเดิมต้องมาเทียบเปลี่ยนหมวดให้เป็นหมวดเลขทะเบียนใหม่ เช่น 1ก เทียบเปลี่ยนเป็น กก ทั้งนี้ ขบ เริ่มจดทะเบียนรถใหม่ด้วยหมวด พพ มาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2540 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยหมวดที่มีตัวอักษร 2 ตัว มีใช้ตั้งแต่หมวด พพ-พฮ, ภก-ภฮ, วก-วฮ, ษก-ษฮ, ศก-ศฮ, สจ-สฮ, ชข-ชฮ, ฌก-ฌฮ, ฎก-ฎฮ, ญก-ญฮ จนถึงปัจจุบันอยู่ในหมวดสุดท้ายแล้วที่ ฆก-ฆฮ รวมประมาณ 297 หมวดอักษร รวมเวลาใช้หมวดเลขทะเบียนแบบนี้มาแล้ว 15 ปี คิดเป็นจำนวนรถที่จดทะเบียนเริ่มตั้งแต่หมวด พพ มีทั้งสิ้น 2,969,703 คัน และถ้ารวมจำนวนรถทั้งหมดที่เคยจดทะเบียนมาตั้งแต่หมวด 1ก รวมกับหมวด กก จะมีทั้งสิ้น 4,259,574 คัน
หลังจากหมวดเลขทะเบียนแบบปัจจุบัน ขบ.จะเริ่มใช้ทะเบียนรถหมวดใหม่ 1กก ต่อทันที ซึ่งได้ออกประกาศเป็นกฎกระทรวงเรื่องการเปลี่ยนหมวดแผ่นป้ายทะเบียนใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยในครั้งนี้เจ้าของรถไม่ต้องนำรถที่ใช้หมวดทะเบียนเดิมมาเทียบเปลี่ยนเป็นหมวดใหม่อีกแล้ว เพราะจะทำให้ทะเบียนรถหมวดใหม่ใช้ได้อีกไม่นานก็จะหมดและต้องคิดแบบหมวดทะเบียนรถใหม่อีก อย่างไรก็ตามหมวดทะเบียนใหม่รอบนี้ จะเริ่มจดทะเบียนจากหมวด 1กก เรื่อยไปนั้น มีหมวดเลขทะเบียนทั้งสิ้น 5,634 หมวด จะสามารถใช้จดทะเบียนรถใหม่ได้อีกนานถึง 157 ปี คิดเป็นจำนวนรถทั้งสิ้น 56,334,366 คัน
ประพิม เก่งกรีฑาพล
Reference : Thairat